แหม เสียหาย
แต่พอได้ไปเอง ก็ต้องบอกว่า เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง ค่ะ เพราะอายุเฉลี่ยของลูกทัวร์ น่าจะประมาณ 70 ปีนะคะ บางครั้งต้องนั่ง wheelchair กันก็มี
เป็นทัวร์สบาย ๆ แบบ 5 วัน 4 คืนค่ะ โดยเราพักกันที่โรงแรมดิเอ็มเพรส เชียงใหม่ 2 คืน โรงแรมดุสิตไอส์แลนด์รีสอร์ท เชียงราย 2 คืน ราคารวมอาหารเช้า กลางวัน เย็น แถมเครื่องดื่ม และของว่างในรถระหว่างการเดินทาง กับผ้าเย็นยี่ห้อชัยทัวร์ทุกครั้งที่กลับมาขึ้นรถ ทั้งหมด 12,554 บาทค่ะ
ซึ่งเมื่อปีที่ผ่านมา จะเห็นว่าดิฉันได้เที่ยวโดยไม่ได้วางแผนมาก่อน และโดยมีผู้อุปถัมภ์หลายครั้ง ครั้งนี้ก็เช่นกันค่ะ คุณแม่อยากไปดูเทศกาลดอกไม้ที่เชียงราย และติดใจการไปเที่ยวกับชัยทัวร์ พอเห็นโปรแกรมที่เค้าส่งมาที่บ้านปุ๊บ ก็รีบจองไปปั๊บ ซึ่งน่าจะเป็นรายแรก ๆ ด้วยซ้ำ
ปรากฎว่าเมื่อได้รับการยืนยันก่อนวันเดินทาง เราจึงทราบว่าทริปนี้จะไปกันถึง 7 คันรถบัส จุลูกทัวร์คันละ 30 - 33 คน เจ้าหน้าที่อีก 30 คน รวมแล้วเป็นคณะใหญ่ถึงเกือบ 250 คน
โอ้ พระเจ้า ไม่เคยไปเที่ยวเป็นคณะใหญ่ยักษ์แบบนี้มาก่อน นึกภาพไม่ออกว่ามันจะวุ่นวายขนาดไหน
แต่ด้วยความเป็นมืออาชีพ ซึ่งดำเนินการมาจะครบ 27 ปีในปีนี้แล้ว ทุกอย่างก็จัดว่าผ่านสำหรับดิฉันค่ะ
เริ่มตั้งแต่การออกเดินทางจากจุดนัดพบที่ถนนอังรีดูนังต์ เค้าให้ไปถึง 6 โมงเช้า โดยกำหนดรถออกที่ 6:30 น. แต่เค้าไม่ออกพร้อมกันค่ะ คันไหนครบก่อน ออกก่อน ไม่ต้องรอออกเป็นขบวนให้ดูอลังการแต่อย่างใด จะได้ไม่ต้องไปแย่งกันใช้ห้องน้ำตามจุดจอดต่าง ๆ ซึ่งก็ไม่ได้มีแต่เฉพาะทัวร์เรา ปรกติดิฉันไม่ค่อยเที่ยวช่วงเทศกาล จึงตื่นตาตื่นใจไปกับปั๊ม ปตท. และเผื่อไปถึงบางปั๊มอื่นด้วย ที่มีรถจอดหนาแน่น ผู้คนยืนแถวยาวรอเข้าห้องน้ำ โดยเฉพาะห้องน้ำหญิง (ดูภาพประกอบค่ะ) ซึ่งบางครั้งผู้สูงอายุบางคนก็จะถือวิสาสะไปใช้ห้องน้ำชายบ้าง
เราออกเดินทางกันวันพฤหัสที่ 30 ธันวาคม 2553 ที่ชอบอีกอย่างของทัวร์นี้ก็คือ เค้าไม่เดินทางตอนกลางคืน เพราะเคยเดินทางประเภทออกจากกรุงเทพกลางคืน แล้วไปถึงเชียงใหม่ตอนเช้า ไม่ว่าจะนั่งรถทัวร์ หรือรถไฟก็ตาม มันจะสบายได้ยังไงคะกับการหลับ ๆ ตื่น ๆ อย่างนั้น
นั่งรถตอนกลางวัน ก็ได้ดูวิวทิวทัศน์ไปด้วย ได้เห็นพระอาทิตย์ขึ้นตั้งแต่เรายังอยู่ในเขตกรุงเทพ แวะทานอาหารกลางวันที่โรงแรมเวียงตากริเวอร์ไซด์ แล้วตรงเข้าจังหวัดลำปาง ไปสักการะ พระธาตุลำปางหลวง ซึ่งเป็นพระธาตุประจำปีฉลูค่ะ
สำหรับสถานที่อื่น ๆ ซึ่งเราไปเที่ยวครั้งนี้คือ

อาหารค่ำท่ามกลางความหนาวที่ไนท์ซาฟารี แล้วต่อด้วยการนั่งรถชมสัตว์ป่าต่าง ๆ ที่นั่น |
วัดพันเตา ที่จังหวัดเชียงใหม่ คนทางเหนือออกเสียงว่าปันเต้า หรือมีความหมายว่า พันเท่า ก็ได้
ซึ่งเค้าบอกว่าเป็นวิหารที่มีหน้าแหนบเป็นไม้แกะสลักที่สวยงามที่สุดในล้านนา
วัดเจดีย์หลวงวรวิหาร จังหวัดเชียงใหม่
![]() |
นาคที่วิหารหลวงของวัดนี้ เป็นฝีมือที่มีมาแต่ดั้งเดิม และได้ชื่อว่า เป็นนาคที่สวยที่สุดของภาคเหนือ |
พิพิธภัณฑ์พระพิฆเนศ จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเราได้มีโอกาสเข้าพิธีทางฮินดูที่นั่นด้วย
บ่อน้ำพุร้อนธรรมชาติ จังหวัดเชียงราย
วัดร่องขุ่น จังหวัดเชียงราย
![]() |
การจราจรอันคับคั่ง หน้าวัดร่องขุ่น |
แม้แต่ห้องน้ำก็ยังมีลวดลายวิจิตรตระการตา | >
แต่สำหรับไฮไลท์ของทริปนี้คือ การไปชมดอกไม้เมืองหนาว ในงาน "เทศกาลเชียงรายดอกไม้งาม" เพราะทางชัยทัวร์ได้พาเราไปชมงานถึง 2 ครั้ง 2 บรรยากาศ คือในช่วงบ่าย และในช่วงเช้า ซึ่งจะได้สัมผัสอากาศ และแสงอาทิตย์ที่แตกต่างกันไป สำหรับตัวดิฉันเองจะชอบช่วงเช้ามากกว่า เพราะอากาศสดชื่น และเค้าจะฉีดน้ำรดดอกไม้ด้วย ทำให้มีละอองน้ำที่กลีบดอก ดูสวยดีค่ะ
ที่พิเศษเฉพาะชัยทัวร์ ในการไปชมงานดอกไม้นี้คือ เรามีรถตำรวจท่องเที่ยวนำขบวนไปจอดในที่ VIP ทีเดียว ทำให้คณะ สว. ของเราไม่ต้องเดินไกล เพราะจำนวนผู้เข้าชมงานเยอะมาก ทั้งในส่วนของสวนดอกไม้ริมแม่น้ำกก และในส่วนของบริเวณที่ขายสินค้า OTOP และขายต้นไม้ รถจึงติดมาก และส่วนใหญ่ต้องไปจอดรถฝั่งตรงข้าม แล้วเดินข้ามถนนมา
รถบัสทั้ง 7 คันของคณะเรา |
นอกจากนั้น เรายังมีโอกาสได้ไปต่างประเทศกันด้วยค่ะ อาจารย์ชัยธวัชว์ อุตส่าห์จัดรถมาเปลี่ยนให้พวกเราข้ามจากอำเภอแม่สาย ไปฝั่งพม่า โดยไม่ต้องลงจากรถกันเลย แล้วพาเราไปชมเจดีย์ชเวดากอง (จำลอง) ก่อนแวะชอปปิ้งกันที่ Duty Free ด้วย
แต่สำหรับผู้ที่มิได้รับความสะดวกอย่างพวกเรา แล้วต้องเดินข้ามไป ข้ามกลับอย่างนี้แล้ว
ดิฉันว่าฝั่งชายแดนไทยเราคึกคักน่าเดินกว่าเยอะเลยค่ะ
มีสิ่งที่ประทับใจกับความสามารถของทีมงานคือ แต่ละคันรถในทริปนี้ เค้าจะจัดให้มีหัวหน้า 1 คน
กับผู้ช่วยอีก 2 คน เพื่อคอยดูแลเสิร์ฟน้ำ และของว่างให้พวกเรา แล้วแต่ละวันจะมีทีมงานที่เค้าเรียกว่าตัววิ่ง ผลัดเปลี่ยนมาอยู่ที่รถเราวันละคน 2 คน เพื่อพูดคุย หรือให้ความรู้เรื่องของสถานที่ที่เราจะไป ตามความสามารถของแต่ละคน แต่พอตกกลางคืน คนเหล่านี้จะแปลงกายไป entertain บนเวทีได้อย่างน่าทึ่ง (ดูจากรูปเอาเองแล้วกันนะคะ)
ปีนี้จึงได้ฉลอง Count Down ที่เชียงใหม่ค่ะ จากห้องพักชั้น 11 ทำให้ได้เห็นว่า
ที่เชียงใหม่มีการจุดพลุ และปล่อยโคมลอย กันอย่างมากมายค่ะ
ดิฉันเองก็ได้ปล่อยโคมลอยร่วมกับคุณแม่เหมือนกันค่ะ
ขอให้ทุกข์โศกโรคภัยต่าง ๆ ในปีก่อน ลอยหายไปกับโคมที่ปล่อยไป
ส่วนในปีนี้ ขอให้มีแต่สิ่งดี ๆ (และ คนดี ๆ) เข้ามาในชีวิตนะคะ เพี้ยง!!!
สวัสดีปีใหม่ Happy New Year ทุก ๆ ท่านนะคะ
ดอกไม้สวยมากจ้า ท่าทางน่าสนุก
ReplyDeleteThanks ที่เข้ามาอ่านนะจ๊ะ
ReplyDelete