Friday, January 14, 2011

ตอน 3 - ลุ้น.............รอวีซ่า

หลายท่านคงทราบแล้วว่าปัจจุบันนี้  การขอวีซ่าไม่ได้ไปที่สถานทูตอังกฤษ ที่ชิดลม โดยตรงแล้ว  แต่จะเป็นการยื่นเอกสารผ่านตัวแทน (VFS) ที่อาคารรีเจ้นท์เฮาส์  ถนนราชดำริ   ดิฉันกับคุณแอ๋วจึงนัดกันไปที่นั่นในวันศุกร์ที่ 20 ส.ค. 53  ไปถึงราว 8 โมงเช้า  มีคนอยู่ในแถว 20 กว่าคนแล้ว  พอ น.  ประตูก็เปิดให้เข้าไปนั่งรอในห้องข้างในได้  ก่อนเข้าไปเราจะต้องรับบัตรคิว  ให้เค้าตรวจกระเป๋า  และปิดโทรศัพท์เสียก่อน  แต่เค้าจะไม่ถึงกับยึดโทรศัพท์ไว้ที่ รปภ.ด้านนอก อย่างเวลาไปขอวีซ่าอเมริกา  เพียงแต่ไม่ให้ใช้โทรศัพท์  เพื่อกันสัญญาณรบกวนเท่านั้นค่ะ

เราได้คิวที่ 33  เป็นการยื่นเอกสารพร้อมกัน 2 คนในซองเดียว  ต้องรอเกือบ 2 ชั่วโมง  ทั้งที่เจ้าหน้าที่เปิดถึง 9 ช่องจากทั้งหมด 10 ช่อง  โชคดีที่เอกสารของเราครบทั้ง 2 คน  จึงได้รับบัตรคิวอีกครั้งหนึ่ง  เพื่อรอไปสแกนลายนิ้วมือทั้ง 10 นิ้ว และถ่ายรูปในห้องถัดไป

นอกเหนือจากค่าธรรมเนียมในการขอวีซ่า 3,536 บาท  และค่าธรรมเนียมซื้อเช็คธนาคาร 20 บาท (ต้องยื่นเช็คนี้พร้อมเอกสารอื่น ๆ นะคะ  แต่หากว่าท่านใดลืมซื้อ  ชั้นล่างของอาคารนั้นมีธนาคารค่ะ  ไม่ต้องห่วง  แค่เตรียมเงินไปซื้อก็แล้วกัน)  เรายังต้องเสียค่า SMS อีกคนละ 75 บาท  ไม่บังคับก็ฟังดูคล้าย ๆ  เพราะเจ้าหน้าที่พูดทำนองว่าเราควรใช้วิธีให้เค้าส่ง SMS และ e-mail ทั้งหมดราว 6 ครั้งแจ้งเมื่อได้รับการอนุมัติ  แทนที่จะคอยเปิดเช็คดูในเวปไซท์เองซึ่งไม่สะดวกเท่า  ขนาดเราบอกว่าจะจ่ายแค่คนเดียวก็พอ  เพราะผลคงออกมาพร้อมกัน  เค้ายังพูดจนเราต้องยอมจ่ายทั้ง 2 คนเลยค่ะ  เฮ้อ

เนื่องจากได้ยินมาว่าการขอวีซ่าใช้เวลาประมาณ 5 วันทำการ  เรากะว่าก็คงออกตั๋วเครื่องบินในวันเสาร์ถัดไปทันพอดี  แต่จนบ่ายวันศุกร์ที่ 27  เราก็ยังไม่ได้ข่าวใด ๆ  โทร.ติดต่อกันอยู่กับคุณแอ๋วว่าได้รับ SMS บ้างหรือยัง  ก็ได้รับแค่ข้อความเดียวเท่านั้นที่แจ้งว่ารับเรื่องเอาไว้แล้วตั้งแต่วันที่ 20   คิดทางบวกก็เป็นการดีที่เรามีข้อความเหล่านี้เป็นการยืนยันกับทางบริษัทขายตั๋วเครื่องบินได้

ทั้ง ๆ ที่ค่อนข้างมั่นใจว่าวีซ่าเราต้องผ่านแน่นอน  เพราะเป็นการยื่นขอแบบธุรกิจ  และมีจดหมายเชิญอย่างเป็นทางการไปแสดง   แต่ก็ยังอดกังวลไม่ได้  จนในที่สุดวันศุกร์ที่ 3 ก.ย. เราจึงได้รับแจ้งว่าวีซ่าผ่านแล้ว  ให้นำเอกสารเข้าไปรับเล่มคืนได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

เวลาสำหรับการรับเล่มคืนคือ น. ที่เดิมคืออาคารรีเจ้นท์เฮาส์   เรารีบนัดกันไปวันนั้นเลย   ถึงที่นั่นเกือบ 4 โมงเย็น  แต่คนก็ยังแน่นอยู่  ผ่านเข้าไปห้องด้านในโดยรับบัตรคิว ให้เค้าตรวจกระเป๋า และปิดโทรศัพท์ตามเคย  ครั้งนี้เราได้คิวที่ 193  เข้าไปข้างในจึงรู้ว่าเพิ่งเรียกถึงคิว 120 เท่านั้น   

แค่การไปรับเล่มคืน  ก็เลยต้อง รอ ร้อ รอ  เนื่องจากเค้าไม่ได้แยกเฉพาะช่องสำหรับรับเล่ม   แต่เป็นการรอเจ้าหน้าที่คนเดียวกับพวกที่มายื่นเรื่องตรวจเอกสาร  ซึ่งแต่ละคนใช้เวลาค่อนข้างนานกันทั้งนั้น  ไม่เข้าใจเหตุผลที่เค้าไม่แยกช่องเหมือนกัน  เพราะการรับเล่มคืน แทบไม่ต้องเสียเวลาอะไรเลย  เรายื่นใบรับไป  เค้าส่งพาสปอร์ตคืนมาก็เสร็จแล้ว  (อ้อ เอกสารทั้งหมดที่เรายื่นไป  เค้าจะส่งคืนให้พร้อมเล่มพาสปอร์ตด้วยนะคะ)  สรุปว่าหลังรับเล่ม  โปรแกรมต่าง ๆ ที่เราตั้งใจไว้ว่าจะไปต่อ  เช่น ไปหา Agency เพื่อคุยเรื่องตั๋ว Britrail ฯลฯ  เป็นอันต้องยกเลิกทั้งหมด

1 comment:

  1. ตามมาอ่านเพื่อทำความเข้าใจกับ Britrail pass ค่ะ

    ReplyDelete