Monday, March 21, 2011

Egypt ตอน 1  อารัมภบท

มีใครเห็นด้วยกับดิฉันบ้างคะว่า  เวลาที่เราไปเที่ยว  กลุ่มเพื่อนที่ไปด้วยกันเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้ trip นั้นสนุกหรือไม่สนุก 

อย่างที่เคยเล่าว่าส่วนใหญ่ดิฉันมักไปเที่ยวกับทัวร์  แต่เท่าที่พบมาถ้าเป็นคณะที่ต่างวัย ต่างฐานะกันมาก  การปฏิสัมพันธ์ในคณะมักจะไม่ค่อยมี  ต่างคนต่างคุยกันในกลุ่มของตัวเอง  ทักทายกันเล็กน้อยหากต้องนั่งโต๊ะทานอาหารด้วยกัน   ยิ่งเป็นโต๊ะจีน หรืออาหารไทยที่จัดมาเป็นชุดให้ทานร่วมกัน   ก็รู้สึกอึดอัดขัดเขินกับการที่บางท่านไม่นิยมใช้ช้อนกลาง  แต่ใช้ตะเกียบหรือช้อนส่วนตัวที่เพิ่งตักอาหารเข้าปากมาตักกับข้าว   ซึ่งถ้าเป็นอาหารบุฟเฟต์ หรือ set อาหารฝรั่ง ก็ตัดปัญหานี้ไปได้  แต่ส่วนใหญ่มักไม่ใช่ 

แถมบาง trip จะมีคนที่ชอบมาขึ้นรถสายกว่าคนอื่นเป็นประจำ  ไม่ว่าจะนัดเช้า นัดบ่าย  คนที่คอยในรถอุตส่าห์ปรบมือ (ประชด) ให้ก็แล้ว  พี่แกก็ยังจะรักษาตำแหน่งนี้อยู่   ไปเที่ยวกับคนแปลกหน้าแบบนี้  กว่าจะทำความรู้จักสนิทสนมกัน  ก็ถึงเวลากลับพอดี  บางทีขอเบอร์โทร. ขอที่อยู่กันไว้ 
คราวหน้าจะไปเที่ยวไหนชวนกันด้วยน๊า
แต่น้อยคนนักที่จะติดต่อกันตามที่ตั้งใจไว้แต่แรกนะคะ   ดิฉันคนหนึ่งละที่เป็นแบบนี้  จนเที่ยวหลัง ๆ นี่  เลิกขอเบอร์กันแล้วค่ะ

แต่สำหรับการไปอียิปต์คราวนี้  เป็นการรวมตัวของกลุ่มสมาชิกสโมสรโรตารีที่รู้จักกันอยู่แล้ว  เป็นอันหมดห่วงกับเรื่องเหล่านั้นไปได้  บางคนชวนคู่ครอง หรือพี่น้องมาด้วย   ยังไม่ทันขึ้นเครื่องบินเลยก็รู้จักกันหมดแล้ว  เลยไม่มีปัญหาตลอดการเดินทางค่ะ  หนักนิดเบาหน่อยเราก็ให้อภัยกันได้

พวกเราไปกันทั้งหมด 18 คน เป็นคู่ซะ 5 คู่   ส่วนดิฉันเองไปคนเดียว  ได้รู้จักรูมเมทเอาที่สนามบินนั่นแหละค่ะ  แต่ก็เข้ากันได้ดี  เพราะวัยห่างกันไม่กี่เดือน

การเดินทางครั้งนี้ใช้เวลาไม่มากไม่น้อยเกินไป  ออกเดินทางคืนวันพุธที่ 8 ธันวาคม 2553  แต่จะนับเป็นวันที่ 9 ก็ไม่ผิดนะคะ  เพราะเครื่องบินออกตอน น.  เดินทางกลับถึงกรุงเทพวันพุธที่ 15 ธ.ค. ตอนเที่ยงวัน  รวมแล้วก็หนึ่งสัปดาห์เต็ม ๆ   ค่าใช้จ่ายทั้งหมด 65,900 บาทค่ะ



ส่วนหนึ่งของคณะเรา ถ่ายที่สนามบินสุวรรณภูมิค่ะ  ไม่อยากนับอายุรวมกันเลย เพราะ 50+ กันทุกคน
 
สถานที่ท่องเที่ยวครอบคลุมตั้งแต่ทิศเหนือสุดจรดใต้สุด   นอนในเรือ 4 คืน  ในรถไฟ 1 คืน  และคืนสุดท้าย ที่โรงแรมหรูใน Cairo  (ซึ่งไม่ต้องบอกก็คงรู้กันว่าหลับสบายที่สุดในทริปนี้)  จะนับว่านอนในเครื่องบินด้วย 2 คืนก็ได้ค่ะ  เพราะใช้เวลาอยู่ใน EgyptAir ถึงเที่ยวละ 9 ชั่วโมงเลยทีเดียว

แต่จัดว่าเราค่อนข้างโชคดีในการไปเที่ยวประเทศอียิปต์ครั้งนี้  เพราะหากเราเลื่อนมาเป็นเดือนถัดมา  ก็คงได้ไปร่วมเป็นส่วนหนึ่งในประวัติศาสตร์การขับไล่ผู้นำของอียิปต์กับเค้าด้วย  
ในระหว่างที่เราอยู่ที่โน่น  ตอนเราอยู่ Aswan และจะต้องนั่งรถข้ามทะเลทรายประมาณ 3 ชั่วโมงเพื่อไปเมือง Abu Simbel นั้น  ก็เกิด Sandstorm จนเราต้องเลื่อนกำหนดเดินทางออกไปราว 6 ชั่วโมงเพราะทางปิด    ในขณะเดียวกันก็ได้ข่าวว่าที่เมือง Alexandria ฝนตกหนักมาก  ซึ่งยังเหลือร่องรอยของน้ำท่วมขังในบางแห่งเมื่อเราไปถึง  แถมคลื่นลูกใหญ่ที่ซัดเข้าหาฝั่งอันยาวเหยียดของเมืองนั้น  ก็ยังทำให้เก้าอี้ที่ทำด้วยหินแท่งใหญ่ ๆ ล้มระเนระนาด  แต่โชคดีของเราที่ท้องฟ้าแจ่มใสในวันที่ไปถึง

อากาศทั่วไปในขณะนั้นเย็นสบายถึงค่อนข้างหนาว  แต่ด้วยความที่แดดแรง  เวลาเดินกลางแจ้ง  ถ้าไม่ใส่หมวก  ก็ต้องกางร่ม  แถมลมก็แรงมาก  หมวกจึงควรเป็นแบบมีเชือกผูกใต้คาง  ไม่งั้นคงได้วิ่งไล่จับหมวกกันสนุกสนาน  ถ้าใช้ร่มก็ต้องอย่างแข็งแรงหน่อยนะคะ  เป็นแบบท่อนเดียวคล้ายไม้เท้าจะดีกว่าแบบพับได้ 2 ท่อน 3 ท่อน  เพราะลมพัดหักแน่ค่ะ   และกับการกระทบร้อนกระทบหนาวแบบนี้  ทำให้หลายคนไม่สบายค่ะ  ขนาดดิฉันเองไปเที่ยวไหนไม่เคยป่วยเลย  ครั้งนี้ต้องป่วยเป็นเพื่อนคนอื่น ๆ หน่อย  คือท้องเสียค่ะ  ไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะฝุ่นมากมายทั่วประเทศที่อาจอยู่ในอาหาร  หรือเพราะ Cheese และนมเปรี้ยวที่ดิฉัน enjoy อย่างมากนั้นกันแน่   เห็นเค้าบอกว่าบางคนที่ยังไม่ชินอาจทำให้ท้องเสียได้

สกุลเงินของอียิปต์คือ ปอนด์ ค่ะ  แต่ไม่มีเงินสกุลนี้ให้แลกในประเทศไทย   ตอนแรกดิฉันก็งงว่าทำไมเค้าใช้เงินอังกฤษ  เพราะเห็นประเทศต่าง ๆ มักจะเรียกเป็น ดอลลาร์ กัน  เช่น ฮ่องกงดอลลาร์  สิงคโปร์ดอลลาร์ ฯลฯ  ไปถึงจึงได้รู้ว่าคือ Egyptian Pound  เราต้องนำอเมริกันดอลลาร์ไปแลกที่สนามบิน  ในอัตราประมาณ 1 US$ ต่อ 7 ปอนด์   แลกมาแล้วก็ต้องใช้ให้หมด  เอากลับมาเมืองไทยก็ไม่มีค่าอะไร  นอกจากจะเป็นคนที่ชอบเก็บสะสมนะคะ  ดิฉันเองก็ยังเก็บเหรียญเป็นที่ระลึกไว้บ้าง 4 – 5 อันค่ะ

1 comment:

  1. ลูกทัวร์ในคณะหลายคนหน้าตาคุ้นๆนะครับ ไปเที่ยวแบบนี้คงสนุกน่าดูเลยนะครับ

    ReplyDelete