มีใครเห็นด้วยกับดิฉันบ้างคะว่า เวลาที่เราไปเที่ยว กลุ่มเพื่อนที่ไปด้วยกันเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้ trip นั้นสนุกหรือไม่สนุก
อย่างที่เคยเล่าว่าส่วนใหญ่ดิฉันมักไปเที่ยวกับทัวร์ แต่เท่าที่พบมาถ้าเป็นคณะที่ต่างวัย ต่างฐานะกันมาก การปฏิสัมพันธ์ในคณะมักจะไม่ค่อยมี ต่างคนต่างคุยกันในกลุ่มของตัวเอง ทักทายกันเล็กน้อยหากต้องนั่งโต๊ะทานอาหารด้วยกัน ยิ่งเป็นโต๊ะจีน หรืออาหารไทยที่จัดมาเป็นชุดให้ทานร่วมกัน ก็รู้สึกอึดอัดขัดเขินกับการที่บางท่านไม่นิยมใช้ช้อนกลาง แต่ใช้ตะเกียบหรือช้อนส่วนตัวที่เพิ่งตักอาหารเข้าปากมาตักกับข้าว ซึ่งถ้าเป็นอาหารบุฟเฟต์ หรือ set อาหารฝรั่ง ก็ตัดปัญหานี้ไปได้ แต่ส่วนใหญ่มักไม่ใช่
แถมบาง trip จะมีคนที่ชอบมาขึ้นรถสายกว่าคนอื่นเป็นประจำ ไม่ว่าจะนัดเช้า นัดบ่าย คนที่คอยในรถอุตส่าห์ปรบมือ (ประชด) ให้ก็แล้ว พี่แกก็ยังจะรักษาตำแหน่งนี้อยู่ ไปเที่ยวกับคนแปลกหน้าแบบนี้ กว่าจะทำความรู้จักสนิทสนมกัน ก็ถึงเวลากลับพอดี บางทีขอเบอร์โทร. ขอที่อยู่กันไว้
“คราวหน้าจะไปเที่ยวไหนชวนกันด้วยน๊า”
แต่น้อยคนนักที่จะติดต่อกันตามที่ตั้งใจไว้แต่แรกนะคะ ดิฉันคนหนึ่งละที่เป็นแบบนี้ จนเที่ยวหลัง ๆ นี่ เลิกขอเบอร์กันแล้วค่ะ
แต่สำหรับการไปอียิปต์คราวนี้ เป็นการรวมตัวของกลุ่มสมาชิกสโมสรโรตารีที่รู้จักกันอยู่แล้ว เป็นอันหมดห่วงกับเรื่องเหล่านั้นไปได้ บางคนชวนคู่ครอง หรือพี่น้องมาด้วย ยังไม่ทันขึ้นเครื่องบินเลยก็รู้จักกันหมดแล้ว เลยไม่มีปัญหาตลอดการเดินทางค่ะ หนักนิดเบาหน่อยเราก็ให้อภัยกันได้
พวกเราไปกันทั้งหมด 18 คน เป็นคู่ซะ 5 คู่ ส่วนดิฉันเองไปคนเดียว ได้รู้จักรูมเมทเอาที่สนามบินนั่นแหละค่ะ แต่ก็เข้ากันได้ดี เพราะวัยห่างกันไม่กี่เดือน
การเดินทางครั้งนี้ใช้เวลาไม่มากไม่น้อยเกินไป ออกเดินทางคืนวันพุธที่ 8 ธันวาคม 2553 แต่จะนับเป็นวันที่ 9 ก็ไม่ผิดนะคะ เพราะเครื่องบินออกตอน น. เดินทางกลับถึงกรุงเทพวันพุธที่ 15 ธ.ค. ตอนเที่ยงวัน รวมแล้วก็หนึ่งสัปดาห์เต็ม ๆ ค่าใช้จ่ายทั้งหมด 65,900 บาทค่ะ
![]() |
ส่วนหนึ่งของคณะเรา ถ่ายที่สนามบินสุวรรณภูมิค่ะ ไม่อยากนับอายุรวมกันเลย เพราะ 50+ กันทุกคน |
สถานที่ท่องเที่ยวครอบคลุมตั้งแต่ทิศเหนือสุดจรดใต้สุด นอนในเรือ 4 คืน ในรถไฟ 1 คืน และคืนสุดท้าย ที่โรงแรมหรูใน Cairo (ซึ่งไม่ต้องบอกก็คงรู้กันว่าหลับสบายที่สุดในทริปนี้) จะนับว่านอนในเครื่องบินด้วย 2 คืนก็ได้ค่ะ เพราะใช้เวลาอยู่ใน EgyptAir ถึงเที่ยวละ 9 ชั่วโมงเลยทีเดียว
แต่จัดว่าเราค่อนข้างโชคดีในการไปเที่ยวประเทศอียิปต์ครั้งนี้ เพราะหากเราเลื่อนมาเป็นเดือนถัดมา ก็คงได้ไปร่วมเป็นส่วนหนึ่งในประวัติศาสตร์การขับไล่ผู้นำของอียิปต์กับเค้าด้วย
ในระหว่างที่เราอยู่ที่โน่น ตอนเราอยู่ Aswan และจะต้องนั่งรถข้ามทะเลทรายประมาณ 3 ชั่วโมงเพื่อไปเมือง Abu Simbel นั้น ก็เกิด Sandstorm จนเราต้องเลื่อนกำหนดเดินทางออกไปราว 6 ชั่วโมงเพราะทางปิด ในขณะเดียวกันก็ได้ข่าวว่าที่เมือง Alexandria ฝนตกหนักมาก ซึ่งยังเหลือร่องรอยของน้ำท่วมขังในบางแห่งเมื่อเราไปถึง แถมคลื่นลูกใหญ่ที่ซัดเข้าหาฝั่งอันยาวเหยียดของเมืองนั้น ก็ยังทำให้เก้าอี้ที่ทำด้วยหินแท่งใหญ่ ๆ ล้มระเนระนาด แต่โชคดีของเราที่ท้องฟ้าแจ่มใสในวันที่ไปถึง
อากาศทั่วไปในขณะนั้นเย็นสบายถึงค่อนข้างหนาว แต่ด้วยความที่แดดแรง เวลาเดินกลางแจ้ง ถ้าไม่ใส่หมวก ก็ต้องกางร่ม แถมลมก็แรงมาก หมวกจึงควรเป็นแบบมีเชือกผูกใต้คาง ไม่งั้นคงได้วิ่งไล่จับหมวกกันสนุกสนาน ถ้าใช้ร่มก็ต้องอย่างแข็งแรงหน่อยนะคะ เป็นแบบท่อนเดียวคล้ายไม้เท้าจะดีกว่าแบบพับได้ 2 ท่อน 3 ท่อน เพราะลมพัดหักแน่ค่ะ และกับการกระทบร้อนกระทบหนาวแบบนี้ ทำให้หลายคนไม่สบายค่ะ ขนาดดิฉันเองไปเที่ยวไหนไม่เคยป่วยเลย ครั้งนี้ต้องป่วยเป็นเพื่อนคนอื่น ๆ หน่อย คือท้องเสียค่ะ ไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะฝุ่นมากมายทั่วประเทศที่อาจอยู่ในอาหาร หรือเพราะ Cheese และนมเปรี้ยวที่ดิฉัน enjoy อย่างมากนั้นกันแน่ เห็นเค้าบอกว่าบางคนที่ยังไม่ชินอาจทำให้ท้องเสียได้
สกุลเงินของอียิปต์คือ ปอนด์ ค่ะ แต่ไม่มีเงินสกุลนี้ให้แลกในประเทศไทย ตอนแรกดิฉันก็งงว่าทำไมเค้าใช้เงินอังกฤษ เพราะเห็นประเทศต่าง ๆ มักจะเรียกเป็น ดอลลาร์ กัน เช่น ฮ่องกงดอลลาร์ สิงคโปร์ดอลลาร์ ฯลฯ ไปถึงจึงได้รู้ว่าคือ Egyptian Pound เราต้องนำอเมริกันดอลลาร์ไปแลกที่สนามบิน ในอัตราประมาณ 1 US$ ต่อ 7 ปอนด์ แลกมาแล้วก็ต้องใช้ให้หมด เอากลับมาเมืองไทยก็ไม่มีค่าอะไร นอกจากจะเป็นคนที่ชอบเก็บสะสมนะคะ ดิฉันเองก็ยังเก็บเหรียญเป็นที่ระลึกไว้บ้าง 4 – 5 อันค่ะ
ลูกทัวร์ในคณะหลายคนหน้าตาคุ้นๆนะครับ ไปเที่ยวแบบนี้คงสนุกน่าดูเลยนะครับ
ReplyDelete